|
ตอนที่4พูดถึงเรื่องจีบสาวแล้วทำให้นึกถึงเรื่องจีบสาวๆของพวกผม
สมัยนั้นโรงเรียนผมเป้นโรงเรียนชายล้วน
เพิ่งมารู้จากน้องคนนึงว่าตอนนี้เขารับผู้หญิงแล้วรู้สึกเสียดายจริงๆที่โรงเรียนผมไม่สามารถที่จะรักษาความ
เป็นวัฒนธรรมของโรงเรียนไว้ได้
ผมมานึกถึงคำพูดของอาจารย์ใหญ่ตอนสมัยพวกผมตั้งกระทู้ถามโรงเรียนว่า “ทำไมโรงเรียนถึงไม่รับเด็กนักเรียนหญิง” อาจารย์ใหญ่ถึงต้องเรียกมานั่งประชุมทั้งชั้น
ตอนนั้นชั้นมอปลายมีแค่ชั้นละสองถึงสามห้องเท่านั้น
นักเรียนก็ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่
ผมจะอยู่รุ่นหก
อืม
หรือรุ่นเจ็ดจำไม่ได้
พวกผมตั้งใจฟังอย่างมาก
เนื่องจากรู้ระแคะระคายว่าอาจารย์ใหญ่จะพูดถึงเรื่องรับนักเรียนหญิง “พวกเธอ
อยากให้ครูรับนักเรียนหญิงมา
แล้วถ้าเกิดลูกสาวเขาท้องขึ้นมา
พวกเธอจะให้ครูรับผิดชอบยังไง” ท่านอาจารย์ใหญ่พูดด้วยน้ำเสียงคร่ำเครียดพวกผมก็คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ใหญ่ท่านจะคิดได้ไกลขนาดนั้น
เนื่องจากพวกผมยังไม่ได้คิดไปถึงเรื่องทำผู้หญิงท้องเลย
แต่อย่างว่าล่ะครับ
ผู้ใหญ่เขาก็คิดกันแบบผู้ใหญ่ทำไงได้
ระบบการศึกษาของไทยสอนให้เด็กรู้จักแต่รับคำสั่งอย่างเดียว
(อ้าวเกี่ยวไรด้วยล่ะ)
เรื่องบ้าผู้หญิงเป็นลักษณะเฉพาะของโรงเรียนชายล้วนเลยทีเดียว
จนมีอยู่ครั้งนึงตอนมอต้น
อาจารย์ฝ่ายปกครองมาสเตอร์สยาม
ท่านด่าพวกเราแกมตักเตือน “พวกมึงนี่เห็นผู้หญิงไม่ได้
เห็นควายเดินเข้าโรงเรียนก็บอกว่าสวย” พวกผมก็กรี๊ดกร๊าดกันซิครับ ประสบการณ์ครั้งแรกเรื่องผู้หญิงของผมไม่ใช่เพราะผมไปจีบผู้หญิง
แต่กลับเป็นผู้หญิงจีบผมแทน
ตอนนั้นผมไปเรียนพิเศษที่แม๊ค
คุ้นๆกันหรือเปล่าครับ
แถวๆสนามกีฬาแห่งชาติ
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่พักรอเปลี่ยนวิชา
ผมออกไปพักนอกห้อง
กลับเข้ามาก็เห็นจดหมายเล็กๆเสียบไว้ที่สมุดผม “นี่นายแว่น
เวลาเธอนั่งเรียน
เธอหัดหดหัวลงหน่อยซิจ๊ะ
พวกฉันมองไม่เห็นกระดาน
เห็นแต่หัวกระบาลเธอ” ผมหันไปข้างหลังห้อง
ก็พบกับสาวกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังกุลีกุจอหาหนังสือขึ้นมาอ่าน
มีอยู่คนหนึ่งอ่านหนังสือกลับหัวกลับหาง
ซึ่งทำให้ผมรู้แน่ว่าต้องเป็นสาวๆกลุ่มนี้แน่นอน
แต่ผมเองก็งงๆ
ก็ไม่เคยจีบผู้หญิงมาก่อน
แต่กลับมาโดนผู้หญิงว่าแบบนี้นี่ครับ
พออาจารย์เข้ามา
เขาก็ให้ผมเอาแปรงลบกระดานไปเคาะ
กลับเข้ามาอาจารย์ท่านก็มาบอกผมว่า “นี่นายแ่ว่น เธอรู้หรือเปล่าว่ามีคนชอบเธอ” ผมงงแตกครับ ทำหน้าตาตื่นใส่อาจารย์ “ตอนเธอเอาแปรงไปเคาะ
ครูเห็นสาวคนนึงมองตามเธอไปตลอดเลย”
ผมเงียบซิครับ
หน้าแดงด้วย
เพื่อนๆร่วมห้องกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่
ผมหันไปข้างหลังมองไม่เห็นใครครับ
เพราะอายไปหมด
เห็นแต่ไอ้พตคนเดียว
ตอนนั้นผมกับไอ้พตเริ่มสนิทกัน “ผมรู้นะว่าใคร
คนที่ผมยาวๆน่ะ”
ไอ้พตมาบอกผม
ตอนนั้นเริ่มรู้จักกันก็พูดสุภาพกันหน่อย หลังจากที่จบคอร์สนั้นผมก็ย้ายไปอยู่คอร์สใหม่
คราวนี้เรียนกับไอ้อัค
นั่งเรียนอยู่ดีๆ “นี่เธอ
เธอชื่ออะไร”
ผมเงยหน้าขึ้นไปดู
ไอ้หยา
สาวร่างท้วมๆดำมาคุยกับผม “ดอน”
ผมตอบเสร็จก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ
ตอนนั้นอ่านไม่รู้เรื่องแล้วครับ
ใจเต้นตึกๆ “เธอรู้มั๊ย
เธอหน้าเหมือนนักดนตรีวงแกรนด์เอ็กซ์นะ”
ผมจำชื่อนักดนตรีคนนั้นไม่ได้แล้วครับ
แต่ผมไม่ชอบนักดนตรีคนนั้นมาก
พลางคิดในใจ ‘อะไรวะ
มาหาว่าหน้าเราเหมือนไอ้หน้าซาลาเปานั้นเหรอ’ แต่ผมไม่ได้พูดอะไร
ยังนั่งเงียบๆอยู่
ซึ่งระฆังก็ช่วยไว้
ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว
แต่เหตุการณ์นี้ไม่สามารถจะรอดพ้นสายตาไอ้อัคไปได้
พอวันรุ่งขึ้นที่โรงเรียน “เฮ้ย
ไอ้ดอนโดนผู้หญิงจีบว่ะ”
ไอ้อัคไปโพทนาให้เืพื่อนๆฟัง “จริงเหรอวะ
ร้ายนี่หว่าไอ้ดอน”
เพื่อนคนนึงหันมาชอบผม “หน้าตาเป็นไงวะ
น่ารักมั๊ยวะ”
อีกคนนึงถามต่อ
แทนที่ผมจะตอบ
ไอ้อัคตอบแทนหน้าตาเฉย “หุ่นตู้เย็นว่ะ”
หัวเราะกันทั้งกลุ่มครับ
ส่วนผมเหรอ
ก็เดินหนีซิครับ
กะว่าจะปิดเรื่องนี้ซักหน่อยไอ้อัคมาเปิดจนได้ ไอ้อัคขึ้นชื่อว่าปากเสียคนหนึ่งในรุ่นทีเดียว
คำว่าแต่ละคำของมันนี่
สามารถที่จะมาแทนนายกฯชวนได้เลย
ตอนที่เรียนมอสี่
กำลังรอเข้าแถวเคารพธงชาติ
อยู่ๆไอ้อัครก็มาถามผม “ไอ้ดอนกูถามไรมึงหน่อยซิ” “ถามไรวะ”
ผมงงๆ
เห็นมันทำหน้าเครียด “ยัยหุ่นตู้เย็นเป็นไงบ้าง”ว่าแล้วมันเดินหนีไปแล้วหัวเราะอยู่คนเดียว ตอนที่ผมเรียนพิเศษติวเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
ผมกับไอ้อัคและเอก(จุ๋ม)ไปเรียนด้วยกัน
อย่าเพิ่งแปลกใจนะครับว่าทำไมผมถึงวงเล็บคำว่าจุ๋มไว้ด้วย
จริงๆแล้วหลังจากขึ้นมอสี่
ห้องผมก็มีเอกสองคน
เอกภาพ กับ
เอก(จุ๋ม)
พวกผมก็เติมชื่อให้ไอ้เอกคนหลังให้มันแตกต่างจากเอกภาพซึ่งพวกเพื่อนๆก็เรียกเอกภาพว่าเอกเหมือนกัน
จริงๆเอก(จุ๋ม)นั้นเขาชื่อเอกอย่างเดียวไม่มีจุ๋มมาอยู่ด้วย
หลังจากที่ผมเล่าเรื่องไอ้อัคแล้ว
ก็จะรู้ว่าชื่อจุ๋มนั้นมาจากไหน ผม
ไอ้อัคร
และเอก(จุ๋ม)
ไปเรียนพิเศษเพื่อสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาด้วยกัน
ก็ที่เดิมแหละครับ
แต่ตอนนี้เขาย้ายมาอยู่ข้างคณะนิติศาสตร์จุฬา
ผมเข้าเรียนชั่วโมงแรกก็ได้ไปปิ๊งผู้หญิงคนนึง
เธอหน้าตาคมและสวยมาก
เขาชื่อพิมพาภรณ์
เพื่อนๆเรียกเขาว่าพิม
ส่วนไอ้เอก
ก็ไปปิ๊งเพื่อนของพิม
ชื่อจุ๋ม
ตอนนี้รู้แล้่วใช่มั๊ยครับว่าชื่อจุ๋มนั้นมาจากไหน
และเหตุการณ์นี้ก็ไม่สามารถรอดพ้นไปจากสายตาของไอ้อัคได้
วันรุ่งขึ้นที่โรงเรียน “เฮ้ย
คราวนี้ไอ้ดอนมันไปจีบสาวคนหนึ่งว่ะ
สวยด้วย”
ไอ้อัคเอาไปโพทนาอีก “ชื่ออะไรวะ”
เพื่อนคนนึงถาม “พิมพา
พรศิริ ว่ะ”
หัวเราะกันอีกแล้วครับ
จำได้มั๊ยครับนักร้องลูกทุ่งสมัยนั้น พิมกับจุ๋มอยู่โรงเรียนสตรีแถวๆสี่พระยา
เขามาเรียนกับเพื่อนอีกสองสามคน
หนึ่งในนั้นต่อมาก็กลายเป็นเพื่อนผมที่มอเชียงใหม่ “เอ๊ะ
ชั้นว่าเธอหน้าคุ้นๆนะ” วรรณ
เพื่อนพิมถามตอนที่อยู่ปีหนึ่งที่มอชอ “ผมว่าหน้าเธอก็คุ้นๆเหมือนกัน
มาจากโรงเรียนอะไรล่ะ” พอวรรณบอกชื่อโรงเรียนของเขาเท่านั้นแหละผมถึงบางอ้อเลย “รู้จักพิมพาภรณ์หรือเปล่า” “รู้จักซิ
อ๋อ
ชั้นจำได้แล้ว
เธอใช่มั๊ยที่ไปจีบพิม”
ถึงคราวนี้
ต่างคนต่างอ๋อแล้วครับ
ตอนที่ผมจีบพิมเขาใหม่ๆ
ผมใช้วิธีโบราณที่มือใหม่หัดขับอย่างพวกผมใช้กันประจำ
ขอลอกสมุดเล็กเชอร์ครับ “นี่เธอ..เอ่อ..เธอจดทันหรือเปล่าวิชาเมื่อกี้”
ผมถามไปสั่นไป “ทัน
ทำไมเหรอ”
เสียงหวานๆแจ้วๆตอบกลับมา “เราจดไม่ทันน่ะ
ขอยืมลอกหน่อยได้เปล่า” ได้ผลครับ
พิมให้ผมมายืมลอก
ทำให้ผมได้รู้จักชื่อเขาเป็นครั้งแรก
หลังจากนั้นผมกับเอกก็นั่งอยู่ข้างหลังพิมกับกลุ่มเพื่อนๆเขาประจำ
ไม่ได้มองที่กระดานหรอกครับ
ไปมองที่สาวๆเสียฉิบ
ไม่ทราบว่ามองมากเกินไปหรือเปล่า
อยู่มาวันหนึ่ง
พิมเขาเอาแว่นขึ้นมาใส่
ขาแว่นกลับหักคาหน้าเขาเลย
ผมจะหัวเราะก็ไม่กล้าหัวเราะกลัวจะแห้ว ส่วนไอ้เอกเหรอครับ
ดูท่าทางมันจะคลั่งจุ๋มมากกว่าผมคลั่งพิมเสียอีก
มีวันหนึ่งไอ้เอกหอบเอาความง่วงนอนมาเรียนด้วย “มึงไปทำไรมาวะเมื่อคืน” ผมถาม “กูดูหนังว่ะ
เมื่อคืนช่องสามเขาฉลองประจำปี
มึงรู้มั๊ญ....”
ตอนนี้ตาไอ้เอกเริ่มสว่างแล้ว “รู้ไรวะ”
ผมถามไปก็กวาดตาไปมองรอบๆโรงเรียนคอยว่าพิมจะมาเมื่อไหร่ “กูดูไปก็คิดถึงจุ๋มไปว่ะ”
เริ่มแล้วครับไอ้เอก “แล้วเกี่ยวไรกับจุ๋มด้วยวะ
ช่องสามน่ะ”
ผมเริ่มรำคาญ “ก็เขาเอาเจิ้นอวี้หลินมาร้องเพลงซิวะ
กูดูไปก็ตลึงไป
หน้าเหมือนจุ๋มเลยว่ะ
กูก็เลยต้องทนนั่งดูจนรายการจบ”
คงไม่ต้องบอกแล้วนะครับว่าความสวยและน่ารักของจุ๋มเป็นยังไง
ก็ขนาดไอ้เอกมันเอาไปเปรียบเทียบกับดาราฮ่องกงเลย
ซึงผมก็เห็นด้วยกับมัน
จนกระทั่งคอร์สที่เรียนก็จบ
ผมกับเอกก็ใจหายเพราะจะไม่ได้เจอกับพิมกับจุ๋มแล้ว
ท่านผู้อ่านคงคิดนะครับ
ทำไมจีบกันมาทั้งคอร์ส
จีบไม่ติดเลยเหรอ
ก็จะให้ติดได้ไงครับมัวแต่ขอยืมเล็กเชอร์
เดินตามนั่งเฝ้าอย่างเดียว
ไม่เคยคุยกับเขาเลย
จะให้ติดได้ไงครับ
วันสุดท้าย
พวกผมซึ่งรวมทั้งไอ้อัคก็ขึ้นรถเมล์คันเดียวกับพิมและเพื่อนๆเขา
ผมก็ทำเป็นใจป้ำออกค่ารถเมล์ให้พวกเขาหมดเลย
ราวๆห้าคนได้
รวมพวกผมก็เป็นแปดคน
พอได้ตั๋วมา
ผมก็ยื่นให้พิม
ก็จะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษนี่ครับ
พวกสาวๆเงียบกันหมด
ผมกับเอกก็พลอยเงียบไปด้วย
นั่งเงียบกันไปได้ซักพัก
สาวๆก็ถึงป้ายที่ต้องลงก่อน
ก็พากันลงไปหมด
พร้อมกับตั๋วรถเมล์ด้วย
แหม
ตั๋วตั้งแปดชิ้นติดกันใครๆก็อยากได้
พอสาวๆลงหมด
ไอ้อัครเริ่มพูดขึ้นมา “ไอ้ดอน
ตั๋วรถเมล์อยู่ไหนวะ”
ไอ้อัครถามขึ้นมา “พวกพิมเขาเอาไปว่ะ”
ผมตอบจ๋อยๆ “เฮ้ยแล้วมึงไม่ถามเขาก่อนวะว่าเขาจะลงไหน
ให้เขาไปทำไมหมดวะ
แล้วถ้านายตรวจมาจะทำไง”
ไอ้อัครเริ่มโวยวายแล้ว
และโวยไม่ทันขาดคำนายตรวจก็ขึ้นมาพอดี
พวกผมต้องลงมาเดินบนถนนไปที่ท่าสี่พระยาด้วยเท้า “พวกมึงนี่จีบผู้หญิงยังไงวะ
ตั้งนานมึงเคยคุยกับเขาหรือเปล่า”
ไอ้อัครเริ่มแสดงความเป็นปากปีจอแล้ว “แล้วยังเสือกแสดงความโง่ให้พวกเขารู้อีก
มีอย่างที่ไหนวะให้ตั๋วรถเมล์เขาไปหมด
กูก็เลยต้องมาเดินกับพวกมึงด้วย”
ผมกับไอ้เอก
เดินไปก็ฟังไอ้อัครบ่นไป “มึงรู้เปล่า
พิมน่ะเขาชอบกูโว๊ย
เห็นแอบมองกูหลายครั้งด้วย”
เอากับไอ้อัครซิครับ “เขายังมาขอเบอร์บ้านกูเลย
แต่กูไม่ให้โว๊ย
เสียเหลี่ยมหมด”
ผมเริ่มฉุนๆมันแล้ว “พวกมึงน่ะงี่เ่ง่า
จีบก็จีบไม่เป็น
อีโธ่เอ้ย”
ตอนนี้เริ่มขึ้นบนเรือข้ามฟากแล้ว ผมหันไปกระซิบกับไอ้เอก “กูอยากจะถีบมันลงน้ำจริงๆว่ะ” “เฮ้ย
ไอ้อัคร
ไอ้ดอนมันอยากจะถีบมึงลงน้ำว่ะ”
ผมหันไปมองหน้าไอ้เอกพลางตั้งคำถามในใจ
‘มึงไปบอกมันทำ..หี้ยอะไรวะ’
ไม่ทันได้พูดออกมา “กูด่ามึงยังไม่สำนึกใช่เปล่า
ตัวเองผิดยังไม่รับผิดอีก
กล้ามาถีบกูมั๊ยวะ”
ผมหันไปด่าไอ้เอก “มึงไปบอกมันทำไมวะ” “ก็กูคิดว่าบอกมันแล้วมันจะหยุดน่ะซิวะ”
ไอ้เอกตอบมาหน้าตาเฉย ไอ้อัครด่าพวกผมมาตลอดทางตั้งแต่เดินจากรถเมล์มาที่เรือข้ามฟากจนมาขึ้นรถเมล์ที่ฝั่งธน
จะหยุดด่าก็ตอนที่ไอ้อัครมันลงรถเมล์ที่ป้ายหน้าบ้านมัน
พวกผมก็ค่อยสบายหูขึ้นมาหน่อย ผมมารู้อีกทีตอนที่รู้จักวรรณเพื่อนพิมว่า
ทั้งกลุ่มนั้นสอบไม่ติดเตรียมอุดม
แต่ตอนหลังพิม,
จุ๋ม
และวรรณสอบเทียบได้
พิมติดมอศิลปากร
จุ๋มเรียนที่หอการค้า
ส่วนวรรณก็ติดที่มอชอ ส่วนพวกผมเหรอครับ
สอบเตรียมฯไม่ติดกันหมด
ก็มันน่าอยู่หรอก
พ่อแม่ส่งมาให้ไปเรียนพิเศษ
ผมสองคนกลับไปนั่งมองสาว
อีกหนึ่งคนกลับไปนั่งด่าเพื่อนๆ แล้วสมควรจะให้ติดหรือเปล่าครับ |
หน้าแรก || เรื่องยาวทั่วไปหลายตอนจบ || นิยายวิทยาศาสตร์ || บทความพิเศษ || เรื่องเขาเล่ามา Copyright © 2001 by Kritapak Boonteekul. All rights reserved. No part of the contents of this website may be reproduced or transmitted in any form or by any means without the written permission of the owner. |