|
บทที่ 3ศาสตราจารย์หนุ่มไม่มีเวลาที่จะเตรียมตัวในการเดินทางนักโชคดีที่เขาไม่มีภรรยาและครอบครัวจึงทำให้ไม่มีใครสงสัยว่าเขาไปไหนมีเพียง
แค่คนสนิทเท่านั้นที่ทราบเพียงว่าสำนักนายกรัฐมนตรี
โดยคำสั่งโดยตรงจากนายกฯขอตัวศาสตรจารย์หนุ่มให้ไปช่วยราชการที่ทำเนียบรัฐบาลใน
ภารกิจ ลับที่สุด ศาสตราจารย์ศักดิ์ชัย
ซายมัวร์เป็นศาสตราจารย์ที่หนุ่มที่สุดคนหนึ่งในเมืองไทย
ด้วยอายุปลายสามสิบ
และดีกรีทางด้านประวัติศาสตร์โลกจากสหรัฐอเมริกา
ทำให้เขาได้มีโอกาศเป็นอาจารย์พิเศษในภาควิชาประวัติศาสตร์
จนกระทั่งจบปริญญาเอกทางด้านประวัติศาสตร์ไทย
ศาสตราจารย์หนุ่มจึงได้รับบรรจุให้เป็นอาจารย์ในคณะรัฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์
หลังจากนั้นศาสตรจารย์หนุ่มได้ศึกษาเพิ่มเติมรวมทั้งทำงานวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ทางด้านสงครามและการเมืองของทั่วโลก
งานวิจัยที่ทำชื่อเสียงโ่ด่งดังแก่เขาคือประวัติศาสตร์คู่ขนาน
ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดในรูปอีกรูปแบบ
ประวัติศาสตร์จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด
ด้วยผลการวิจัยนี้
ทำให้โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าได้ขอยืมตัวศาสตราจารย์หนุ่มไปสอนนักเรียนทหารในเรื่องที่เกี่ยวกับการคาดเดาในเชิงตรรกะเพื่อใช้ในการตัดสินใจในเหตุการณ์คับขัน
และก็ด้วยผลงานนี้นี่เองทำให้โครงการลับของสหรัฐอเมริกาต้องขอยืมตัวเพื่อช่วยในการทดลองโลกคู่ขนานอย่างลับๆ ด้วยรูปร่างสูงใหญ่
ตาสีฟ้าแต่ผิวคล้ำ
ทำให้ทุกคนที่ไม่คุ้นเคยกับศาสตราจารย์ต้องคิดว่าเขาเป้นนายทหารของเหล่าทัพหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดที่ศาสตราจารย์ใส่เป็นชุดของนายทหารยศพันเอก(พิเศษ)แล้ว
ไม่มีใครรู้เลยว่านายทหารร่างสูงใหญ่แท้ที่จริงแล้วเป็นแค่ศาสตราจารย์ทางด้านประวัติศาสตร์เท่านั้นเอง ศาสตราจารย์ศักดิ์ชัยและพลเอกโรเบิตท์
รวมทั้งผู้กองเดวิดเดินทางโดยเครื่องบินโดยสารพลเรือน
ออกจากท่าอากาศยานดอนเมืองโดยมีจุดหมายปลายทางที่ประเทศเกาหลีใต้
ณ
ที่นั้นนายทหารทั้งสามได้ถูกพาตัวโดยรถยนต์ของนาวิกโยธินสหรัฐตรงไปที่ฐานทัพสหรัฐ
ประจำประเทศเกาหลีใต้เพื่อที่จะเดินทางโดยเครื่องทหารต่อไปยังจุดหมาย
ณ
ที่ใดที่หนึ่งใต้เทือกเขาร๊อกกี้บริเวณรัฐโคโลราโด ศาสตราจารย์หนุ่มหรือผู้การศักดิ์ชัยไม่ได้รับอนุญาติให้ถามถึงโครงการลับในขณะเดินทาง
เลย
จนกระทั่งทั้งสามได้เดินทางมาถึงที่ฐานทัพลับใต้ดิน
นายพลโรเบิรต์ผู้อำนวยการโครงการจึงเริ่มพูดกับศาสตราจารย์ศักดิ์ชัย ท่านผู้การท่านมีจินตนาการอย่่างไรเกี่ยวกับโลกมิติคู่ขนานที่เรากำลังจะเข้าไปสำรวจ ท่านนายพลเอ่อ
ศาสตราจารย์หนุ่มชะงักเล็กน้อย
เรียกผมว่าผู้อำนวยการบ๊อปก็ได้ครับ
จริงๆในโครงการจะไม่มีการลำดับยศกัน
เราจะลำดับยศชั้นกันก็ต่อเมื่อมีการจัดกำลังแบบทหารเท่านั้น
ซึ่งหมายความว่าทางฝ่ายโน้นจะมีแนวโน้มที่เป็นปฏิปักษ์ต่อเรา
นายพลโรเบิตร์พูดถึง
ฝ่ายที่อยู่อีกด้านหนึ่งของมิติคู่ขนาน ครับผู้อำนวยการ
จริงๆแล้ว
มิติคู่ขนานไม่ใ่ช่มีแค่เหตุการณ์ที่ตรงกันข้ามกับโลกเราแค่สองเหตุการณ์เท่านั้น
อย่างที่ท่านได้รู้มาว่า
ทุกๆจุดของเวลาจะมีอยู่สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น
ศาตราจารย์หนุ่มกระแอมนิดนึงแล้วกล่าวต่อ
เห็นแยกหน้าหรือเปล่าครับ
เรามีสองทางเลือก
คือไปทางซ้ายกับไปทางขวา
ถ้าท่านผู้อำนวยการเลือกที่จะไปทางขวา
ก็จะมีคำถามต่อไปว่า
เมื่อไปทางขวาแล้วท่านจะมีหัวข้อให้เลือกอีกว่าจะใช้อะไรเดินทาง
โดยเท้าหรือรถยนต์
ถ้าท่านเลือกที่จะเดินทางโดยรถยนต์
ในอีกมิติหนึ่งท่านก็จะเลือกที่จะเดินทางโดยเท้า
เมื่อท่านเลือกแต่ละหัวข้อแล้ว
ในแต่ละหัวข้อก็จะยังมีหัวข้อให้เลือกอีกต่อไปเรื่อยๆ
ศาสตราจารย์หนุ่มหยุดพูดซักพักพลางหันไปมองผู้กองเดวิดซึ่งทำหน้างงๆอยู่ ในทางประวัติศาสตร์เหมือนกัน
ยกตัวอย่างเช่น
สงครามกลางเมืองของพวกท่านเมื่อร้อยกว่าปีก่อน
พวกท่านมีทางเลือกอยู่สามทาง
คือฝ่ายเหนือชนะ ฝ่ายใต้ชนะ
หรือสงครามยังดำเนินต่อไป
ซึ่งถ้าท่านเข้าไปในโลกคู่ขนานแล้วท่านจะพบกับเหตุการณ์สามเหตุการณ์ซึ่งเดินทางขนานกัน
ซึ่งก็คือ
เหตุการณ์ปัจจุบันที่มีสหรัฐอเมริกาอยู่บนแผนที่โลก,
เหตุการณ์คู่ขนานแรกที่มีสหพันธรัฐแห่งอเมริกาอยู่บนแผนที่โลก
และ
มีทั้งสองประเทศอยู่บนแผนที่โลก
ซึ่งถ้าท่านก้าวเข้าไปในมิติอันหลัง
ท่านอาจจะพบว่า จอรช์
ดับเบิ้ลยู
บุชอาจจะเป็นประธานาธิปดี
ของสหพันธรัฐแห่งอเมริกา
และอัล
กอร์เป็นประธานาธิปดีของสหรัฐอเมริกาก็ได้
ทั้งสามคนหัวเราะ
แต่ศาสตราจารย์ศักดิ์ชัยไม่แน่ใจว่า
อเมริกันทั้งสองจะขำจริงๆหรือเปล่า เพราะฉะนั้น
ศาสตราจารย์หนุ่มพูดต่อ ในการที่ท่านจะสร้างประตูเพื่อเข้าไปในอีกมิติ
ท่านจะต้องมีเครื่องมือที่สามารถจะปรับแชแนลให้เข้าไปในมิติที่ต่างกันได้
เพราะในแต่ละครั้งที่พวกเราเปิดประตูโดยไม่มีเครื่องหาแชแนล
ผลที่ได้ออกมาก็จะไม่เหมือนกัน
ท่านผู้อำนวยการ
เหตุการณ์คู่ขนานไม่ใช่มีแค่สองนะครับ
มันอาจจะมีเป็นร้อยหรือเป็นพัน
เราไม่ทราบได้
คิดดูว่าประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติเกิดมาเป็นหมื่นปีแล้ว
และในทุกๆช่วงวินาทีจะต้องมีทางเลือกอย่างต่ำสองทาง
ความน่าจะเป็นที่จะเกิดเหตุการณ์คู่ขนาน
มีเป็นล้านเปอร์เซ็นต์นะครับ
ถึงตอนนี้ผู้อำนวยการหยุดและหันมองหน้าศาสตราจารย์หนุ่ม
เรื่องนี้เราคิดไว้แล้วเราถึงต้องการผู้การให้มาช่วยเราวิเคราะห์ไงครับ
และเป็นสิ่งที่ผมเป็นห่วงด้วยว่า
ควรจะเปิดประตูนี้ดีหรือเปล่า
นายพลผู้อำนวยการพูดจบจึงเดินนำหน้าคนทั้งสองเข้าสู่ลิฟท์ซึ่งจะนำคนทั้งสามลงสู่เบื้อง
ล่างลึกอย่างน้อยตึกห้าชั้นเป็นอย่างต่ำ สภาพฐานทัพใต้ดินแห่งนี้เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของศาสตราจารย์หนุ่มเป็นอย่างมาก
ทุกอย่างที่อยู่ในฐานทัพใต้ดินแห่งนี้ประกอบไปด้วยเครื่องวิทยาศาตร์อันทันสมัย
โดยที่ชั้นแรกซึ่งศาสตราจารย์หนุ่มคิดว่าอยู่ลึกที่สุดแล้ว
ศาสตราจารย์หนุ่มยังต้องพบว่ายังมีชั้นใต้ดินที่ลึกกว่าชั้นแรกลงไปอีกอย่างน้อยสามชั้น
ชั้นแรกเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยและโรงพยาบาลขนาดเล็กซึ่งสามารถทำการผ่าตัดฉุกเฉินได้อย่างสบาย
รวมทั้งห้องพักรับรองของเจ้าหน้าที่ประจำแห่งนี้
เจ้าหน้าที่ที่มาประจำฐานทัพนี้จะได้รับการคัดเลือกมาจากทุกหน่วยงานราชการในประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีแค่เจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่ได้รับอนุญาติเดินทางไปกลับนอกฐานทัพ
ได้
แต่ก็ต้องได้รับการตรวจสอบจากหน่วยรักษาความปลอดภัยอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ฐานทัพใต้ดินแห่งนี้ แต่เดิมในช่วงสงครามเย็นถูกใช้เป็นหลุมหลบภัยของบุคคลสำคัญของประเทศ ผู้อำนวยการโครงการ หรือพลเอกโรเบิตท์เอ่ยขึ้น ฐานทัพแห่งนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นละสองถึงสามตอน ชั้นแรกที่ผู้การเห็นนี้แบ่งเป็นสามตอนคือ โรงพยาบาล, หน่วยรักษาความปลอดภัย และที่พักของเจ้าหน้าที่ ผู้อำนวยการบ๊อบเห็นศาสตราจารย์หนุ่มยังคงฟังด้วยความสนใจจึงอธิบายต่อ ท่านผู้การจะได้ห้องพักรับรองที่อยู่บริเวณชั้นนี้ แต่ท่านผู้การก็ยังมีอิสระที่จะออกไปภายนอกฐานทัพได้โดยจะต้องมีตำรวจลับ (secret agent) สองคนเป็นผู้ติดตามเพื่อความปลอดภัยของผู้การเอง ซึ่งผู้กองเดวิดจะเป็นผู้จัดการในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เรากำลังจะลงไปชั้นที่สองกันนะครับ บุคคลทั้งสามเดินผ่านหน่วยรักษาความปลอดภัยที่หน้าลิฟต์ ผู้การเอามือทั้งสองไปทาบกับแผ่นจอที่หน้าลิฟต์ซิครับ ศาสตราจารย์หนุ่มทำตามที่ผู้อำนวยการแนะนำ หลังจากที่เขาเอามือทาบบนแผ่นจอแล้ว เสียงจากลำโพงซึ่งเป็นเสียงผู้หญิงสังเคราะห์ดังออกมาเป็นภาษาอังกฤษ พลิส เซย์ ยัวร์ แฟมิลี่เนม ศาสตราจารย์หนุ่มขานชื่อของเขาออกไปทันที ซายมัวร์ พลันเสียงสังเคราะห์ดังออกมาอีกครั้งเป็นภาษาอังกฤษ เวล คัม เคอเนล ศักดิ์ชัย ซายมัวร์, ยู เมย์ เอ็นเทอร์ นาว ศาสตราจารย์หนุ่มก้าวเข้าไปในลิฟต์ด้วยความฉงนพร้อมกับหันมามองผู้อำนวยการเป็นคำถาม ผู้การเข้าไปก่อนครับ มาตราการรักษาความปลอดภัยที่นี่อย่างหนึ่งคือ ลิฟต์จะพาผู้โดยสารลงไปสู่ชั้นสองคราวละหนึ่งคนเท่านั้น ผู้อำนวยการเฉลย ศาสตราจารย์หนุ่มจึงเดินเข้าไปในลิฟต์คนเดียว เมื่อลิฟต์พาศาสตราจารย์หนุ่มไปถึงชั้นสองแล้ว ชายร่างเล็กผมขาว ซึ่งอายุน่าจะเกินห้าสิบปีแล้ว ได้ยืนรออยู่หน้าลิฟต์ ทันทีที่ลิฟต์เปิดออก ชายแก่ผู้นั้นเข้ามาโอบศาสตราจารย์หนุ่มทันที ศักดิ์ชัย ยินดีที่เจอคุณอีก จำลุงได้มั๊ย ศาสตราจารย์ทำหน้าฉงนเล็กน้อยพร้อมกับส่ายหน้า จำไม่ได้ครับ ไม่ทราบว่า.... ชายแก่คนนั้นไม่ทันให้ศาสตราจารย์หนุ่มตั้งตัวพร้อมกับพูดออกมา เกือบสามสิบปีแล้ว ศักดิ์ชัย คงจำไม่ได้หรอก ลุงเป็นเพื่อนของพ่อเธอน่ะ บ้านอยู่ข้างๆยังจำได้เลยว่าเธอยังตัวเล็กๆอยู่เลย ชอบเข้ามาเล่นกับลูกสาวลุง เสียงประตูลิฟต์เปิดพร้อมกับผู้อำนวยการบ๊อบเดินออกมาจากลิฟต์ อ้าวเจอกันแล้วเหรอผู้การ นี่ด๊อกเตอร์วัลไฮม์ไง เห็นบอกว่าเคยเห็นผู้การมาตั้งแต่ผู้การยังเล็กๆอยู่นี่ ศาสตราจารย์หนุ่มจึงได้หายสงสัย
เขาจำได้แล้วว่าตอนที่เขาอยู่กับพ่อเขา
มีลุงข้างบ้านได้ไปมาหาสู่กับครอบครัวเขาประจำ
จนกระทั้งครอบครัวของพ่อเขาได้ย้ายกลับไปเมืองไทยตามคำขอของแม่เขา
เสียงผู้อำนวยการบ๊อบปลุกให้เขาตื่นจากความนึกคิดในในอีกครั้ง
ผู้การนี่ด๊อกเตอร์ซาร่าห์
บุตรสาวของด๊อกเตอร์วัลไฮม์
ผมว่าคุณคงจำได้นะ ศาสตราศาสตร์หนุ่มสบถออกมาในใจทันที่ที่ได้ยินชื่อด๊อกเตอร์สาวผู้นั้น เขารู้จักกับเพื่อนบ้านสาวตั้งแต่ยังอยู่ในวัยเด็ก จนเมื่อเขาจบปริญญาตรีจึงได้ย้ายกลับไปเมืองไทยตามพ่อและแม่ของเขา ด๊อกเตอร์สาวผู้นี้เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาต้องรู้จักกับคำว่าอกหักในครั้งแรกของชีวิต ในที่สุดคุณก็กลับมาเจอฉันจนได้
ด๊อกเตอร์สาวต้อนรับเขาด้วยคำพูดไม่เป็นมิตรนัก ยินดีที่ได้เจอกันอีกนะ
ไม่ทราบว่าคุณก็มาอยู่ในโครงการนี้ด้วย
ศาสตราจารย์หนุ่มกล่าวอย่างเสียมิได้
ฉันได้มาร่วมโครงการนี้ก็เพราะว่าฉันเป็นลูกศิษย์ของพ่อคุณนั้นแหละ
เอ่อ
เสียใจด้วยนะกับการจากไปของคุณพ่อคุณ น้ำเสียงของด๊อกเตอร์สาวได้อ่อนลงทันทีที่พูดถึงศาสตราจารย์ซายมัวร์ผู้เป็นพ่อ
ผู้อำนวยการบ๊อบกล่าวตัดบททันทีเมื่อเห็นว่าคนทั้งสามทักทายด้วยกันพอควรแล้ว ผมว่าเราไปทัวร์ต่อดีมั๊ยครับผู้การ
ด๊อกเตอร์วัลไฮม์
ด๊อกเตอร์ซาร่าห์
ถ้าติดธุระอะไรก็เชิญนะครับ ดิฉันขอตัวก่อนคะ
ยังมีงานทดลองที่เกทวันค้างอยู่
ด๊อกเตอร์สาวพูดตัดบท อ้อ
งั้นด๊อกเตอร์ซาร่าห์ช่วยพาเราไปเยียมชมเกทวันดีมั๊ยครับ
ศาสตราจารย์หนุ่มพูดแทรกทันทีพร้อมกับหันหน้าขอความสนับสนุนจากผู้อำนวยการและพ่อของด๊อกเตอร์สาว ดีเลย
ศักดิ์ชัยตอนนี้ซาร่าห์กำลังเปิดประตูคู่ขนานด้วย
ขนาดใหญ่ขึ้นหน่อย
น่าจะมีอะไรสนใจน่าดูมากขึ้น
ว่าไงซาร่าห์
จะพาศักดิ์ชัยทัวร์ได้มั๊ย
ด๊อกเตอร์วัลไฮม์หันไปถามแกมบังคับกับบุตรสาว "ก็ได้คะ
ถ้าท่านผู้การต้องการ
ด๊อกเตอร์สาวผู้จับพลางเดินนำหน้าบุคคลทั้งสามอย่างไม่พอใจ ผู้อำนวยการครับ
แล้วผู้กองเดวิดไปไหนแล้วครับ
ศักดิ์ชัยถามถึงนายทหารที่ทำหน้าทีองค์รักษ์ให้ตัวเขาเองตั้งแต่ที่เมืองไทย
ผู้กองไม่มีสิทธิผ่านเข้าชั้นนี้ครับผู้การ
ชั้นนี้เป็นชั้นที่ผู้ที่ไม่มีหน้าที่ไม่สามารถเข้าได้เลย
ยังมีชั้นล่างอีกที่ที่เป็นชั้นที่เก็บวัสดุเครื่องมือ
ซึ่งเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุญาติเท่านั้นถึงจะผ่านเข้าไปได้ บุคคลทั้งสี่โดยการนำของด๊อกเตอร์สาว
ได้มาถึงที่ที่เรียกว่า
เกทวัน
ภายในเกทวันมีนักวิทยาศาสตร์สองสามคนกำลังทำงานอยู่กับแผ่นกระจก
ที่ถูกระโยงระยางด้วยสายไฟและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ที่นี่คือ เกทวัน เรากำลังปรับตำแหน่งของสถานที่ที่ประตูจะเปิดเข้าไปหา ปัญหาอย่างหนึ่งที่ทำให้ยากต่อการเปิดประตูก็คือ จุดตำแหน่งของประตูซึ่งอยู่ลึกลงไปใต้ดินเป็นร้อยฟุต ด๊อกเตอร์สาวอธิบายพลางไปสบตากับศาสตราจารย์หนุ่มโดยบังเอิญ แต่ด้วยความช่วยเหลือของด๊อกเตอร์ซายมัวร์...ผู้พ่อ...เราจึงสามารถเปิดประตูออกไปที่ตำแหน่งต่างกันได้ โดยใช้ละติจูด และลองติดจูดเป็นตัวกำหนด.... ทันใดนั้น
แสงสว่างจ้าได้พุ่งออกมาจากแผ่นกระจกนั้นและหายไปทันที ผู้การขอต้อนรับสู่มิติคู่ขนานเชิญสัมผัสด้วยตาของผู้การเองครับ ผู้อำนวยการบ๊อบกล่าว ศาสตราจารย์หนุ่มก้าวเข้าไปบนจอซึ่งถ่ายทอดภาพมาจากประตู ที่เรียกกันว่าเกทวันอย่างตื่นเต้น ได้มีการตั้งพิกัดของมิติหรือเปล่าครับ ศาสตราจารย์หนุ่มถามผู้อำนวยการ แต่ผู้ที่ตอบคำถามนั้นกลับเป็นด๊อกเตอร์สาวซึ่งตอนนี้ดูเหมือนเป็นคู่อริกับศาสตราจารย์หนุ่มเสียแล้ว เราไม่มีพิกัดที่แน่นอนแต่เรามีสเกลกำหนดไว้แล้ว
ถ้าคุณต้องการกลับมาที่เดิมคุณก็ปรับมาอยู่ที่พิกัดเดิมได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนครับ
เอ่อ
ผมหมายถึงประตูเราอยู่ส่วนไหนของโลก
ศาสตราจารย์หนุ่มตั้งคำถามโดยไม่คาดว่าใครจะเป็นผู้ตอบคำถามเขา อเมริกาเหนือ
บริเวณมหานครนิวยอร์ก ใครคนหนึ่งตอบ ทุกคนมองไปที่จอภาพ
แต่แล้วสิ่งที่ทุกคนเห็นคือเครื่องหมายสวัสดิกะ
เต็มไปทั่วท้องถนนของมหานครนิวยอร์ก
บนท้องถนนมีแต่คนผิวขาว
และคนผิวเหลืองเชื้อสายญี่ปุ่น
ไม่ปรากฏว่ามีคนผิวดำและฮิสแปนิค
(คนที่พูดภาษาสเปนเป็นภาษาแรก
ในที่นี้จะหมายถึงคนเชื้อชาติเม๊กซิกัน)
ไกลออกไปตรงไทม์สแควร์
รูปที่ปรากฏทำให้ทุกคนในเกทวันต้องสะกดลมหายใจชั่วขณะ
รูปที่ทุกคนเห็นนั่นคือรูปของจอมเผด็จการ
อดอฟ ฮิตเลอร์ บทก่อน/บทต่อไป |
หน้าแรก || เรื่องยาวทั่วไปหลายตอนจบ || นิยายวิทยาศาสตร์ || บทความพิเศษ || เรื่องเขาเล่ามา Copyright © 2001 by Kritapak Boonteekul. All rights reserved. No part of the contents of this website may be reproduced or transmitted in any form or by any means without the written permission of the owner. |