ในหลวงเตือนสติ'แก่งแย่งชิงดี'ชาติหายนะ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเตือนสติการงานใดๆ จะต้องมีการเถียงกัน ทะเลาะกัน ถ้าถกเถียงในทางหลักวิชาไม่ค่อยอันตราย แต่ถ้าทะเลาะกันในผลประโยชน์ ประเทศชาติหายนะแน่นอน ส่วนการพัฒนาเศรษฐกิจ ไม่ใช่มีเพียงหนึ่งทฤษฎี หรือหนึ่งทาง แต่มีหลายทางและไม่ได้มีทางเดียวที่ถูกต้อง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯลง ณ ศาลาเริง วังไกลกังวล หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ เวลา 17.41 น.เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา พระราชทานพระบรมราชวโรกาส ให้ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะเอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ที่ประจำการในต่างประเทศ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ในโอกาสที่เดินทางมาประชุม เพื่อรับทราบแนวนโยบายของรัฐบาลระหว่างวันที่ 28-31 พ.ค. นี้

โอกาสนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาท แก่คณะเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อนำไปปฏิบัติให้บังเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติ เกี่ยวกับการดำเนินการของโครงการตามพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง โดยข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อที่จะให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในโลก และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลนี้เปลี่ยน แปลงจากรัฐบาลก่อนๆ ไม่ใช่น้อย จะทางดีหรือทางไม่ดีเราไม่ทราบ

อย่างไรก็ตาม การที่เปลี่ยน แปลงก็จะต้องทำความเข้าใจให้ดีที่สุด การทำหน้าที่ราชการมาเป็นเวลานานจึงมีความรู้ มีประสบการณ์มาก เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล รัฐบาลที่เข้ามาหลายคนไม่เคยทำงานเป็นรัฐบาล และเมื่อไม่เคยทำงานเป็นรัฐบาลก็มองอยู่เพียงแต่ด้านเดียว คือ จากนอกรัฐบาล มาเป็นรัฐบาลก็มาอยู่ในรัฐบาล ก็มองโลกไปคนละอย่าง ฉะนั้นการที่ท่านได้มา ท่านจะได้ประโยชน์อย่างยิ่ง คือ สามารถที่จะแจ้งแก่ฝ่ายรัฐบาล ในประสบการณ์ที่ท่านได้มา และการมาประชุมนี้จะมีประโยชน์ไม่ใช่สำหรับตัวท่านแต่สำหรับฝ่ายที่กำลังปกครองต่อไป

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงมีพระราชดำรัสถึงเรื่องทฤษฎีใหม่ ว่า ที่เรียกทฤษฎีใหม่ เพราะว่ามันเก๋ดี แล้วก็มีหลายท่านที่เคยมาคราวก่อนๆ ก็เคยได้รับการอธิบายไปบ้าง และท่านก็มองหน้าว่า นี่หรือทฤษฎี เราเรียกว่า ทฤษฎี เพราะว่ามันเก๋ดี ที่จะเรียกทฤษฎี และเราพูดว่ามีทฤษฎีทำให้รู้สึกว่าขลัง แต่ว่าที่ใครต่อใครมาบอกว่าต้องทำตามทฤษฎีใหม่ และทำตามเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ก็ได้อธิบายเรื่องคำว่าเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่หลายครั้ง หลายปี อย่างน้อยที่สุด 3 ปี จนกระทั่งดูเหมือนว่าเข้าใจจึงหยุด ฉะนั้นเวลานี้ถ้าท่านขอมาให้อธิบาย ทฤษฎีใหม่ หรือเศรษฐกิจพอเพียงก็คงไม่พูด ไม่จำเป็น เพราะว่าถ้าไม่เข้าใจพูดมา 3 ปี และถ้าไม่เข้าใจแล้วก็จนปัญญา วันนี้ที่ขอโอวาทในเรื่องการพัฒนาจึงควรจะจบตอนนี้แค่นี้

"ขอเติมนิดหน่อยว่า ทฤษฎีใดๆ หรือโครงการใดๆ ในแง่ไหนก็ตาม ในการพัฒนาก็ตาม ในด้านพัฒนาเศรษฐกิจ ในด้านพัฒนาวิชาการ วิศวกรรม การศึกษา อะไรสารพัดอย่างนี้ มีไม่ใช่หนึ่งทฤษฎี หรือมีไม่ใช่หนึ่งทาง มีหลายทาง และหลายทางนั้นไม่ได้หมายความว่ามีทางเดียวที่ถูกต้อง มีหลายทางที่ถูกต้องก็เป็นไปได้ และบางทีก็ทะเลาะกัน เศรษฐกิจพอเพียงนั้นมองดูในแง่เดียว คือ แง่ที่จะให้คนพออยู่พอกินก็คงจะต้องคัดค้านว่าการพออยู่พอกินนั้นไม่ก้าวหน้า มันอยู่กับที่ ถ้าพออยู่พอกิน ประเทศอื่น หรือชุมนุมชนอื่นพัฒนาขึ้นเราก็ด้อยพัฒนา อันนี้ที่เขาต่อว่ามา ก็ถูกต้องว่า ถ้าทำพัฒนาแบบเศรษฐกิจพอเพียงนั้นนานๆ ไปเราก็จะต้องถอยหลังเข้าคลอง เพราะว่าคนอื่นเขาจะก้าวหน้าไป เมื่อคนอื่นก้าวหน้าก็เท่ากับเราถอยหลัง"

เวลาเขาว่าอย่างนี้ ก็ไม่มีทางที่จะแก้ตัว เพราะว่าถ้าคนอื่นเดินขึ้นสูงเราก็อยู่ต่ำ เวลาอยู่ต่ำเราก็ถูกเหยียบ เมื่อถูกเหยียบแล้วมันไม่สบาย แต่การอยู่พอมีพอกินนั้นไม่ได้หมายความว่าไม่มีความก้าวหน้า มันจะมีความก้าวหน้าแค่พอประมาณ ถ้าก้าวหน้าเร็วเกินไป ไปวิ่งขึ้นเขายังไม่ทันถึงยอดเขาหัวใจวายแล้วก็หล่นจากเขา ถ้าบุคคลหล่นจากเขา ก็ไม่เป็นไร ช่างหัวเขา แต่ว่าถ้าคนๆ เดียวนั้นขึ้นไปวิ่งบนเขาแล้วหล่นลงมา หล่นลงมาบางทีมาทับคนอื่น ทำให้คนอื่นต้องหล่นไปด้วย อันนี้ก็เดือดร้อน

นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังได้พระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในทุกๆ ฝ่ายซึ่งมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องว่า" การงานใดๆ จะต้องมีการเถียงกัน ทะเลาะกัน ถกเถียงในหลักวิชาต่างๆ และถกเถียงในการปฏิบัติต่างๆ ส่วนใหญ่ถ้าถกเถียงในทางหลักวิชาไม่ค่อยอันตราย แต่ว่าส่วนมากถกเถียงกันในทางผลประโยชน์ เรื่องนี้บอกกับท่านว่า เดือดร้อนที่สุดสำหรับประเทศชาติ คือการขัดแย้งทางผลประโยชน์ แล้วท่านจะแก้อย่างไร มาถามว่ามีพระบรมราโชวาท ไม่มีทาง ไม่มีคำตอบเพราะว่าถ้าตอบแล้วก็จะเกิดถกเถียงกันใหญ่ เพราะว่าจะโกรธกันใหญ่

ถ้าบอกว่าถกเถียงกันอะไรในทางผลประโยชน์ โกรธกันแน่ ท่านอาจจะโกรธด้วย คนที่มีผลประโยชน์ยิ่งโกรธกัน ผลประโยชน์มีหลายทาง ผลประโยชน์ทางความพอใจในจิตใจ แต่บางคนก็บอกว่า คนนี้เขาสมถะ คนนี้เขาไม่โกงไม่กิน แต่ว่ารู้ได้อย่างไร เขาอยากได้ชื่อเสียง ชื่อเสียงนี้ไม่ใช่เงินไม่ใช่ทอง แต่ว่าเป็นความพอใจ บางทีมีความพอใจในทางทฤษฎีนั่นเองให้สำเร็จทฤษฎี ไม่ต้องการเงิน ไม่ต้องการทอง ไม่ต้องการร่ำรวย อย่างนี้ก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรหรือจะแก้ไขอย่างไร สำคัญที่สุดที่จะมองดูว่าผลประโยชน์ของบุคคลหรือหมู่คณะ จะให้ปรองดองกันได้อย่างไร

ถ้าทะเลาะกันในผลประโยชน์ ประเทศชาติหายนะแน่นอน ซึ่งเป็นมาเป็นเวลานานที่มีการแก่งแย่งในทางผลประโยชน์ทั้งในด้านเงินทอง ในด้านอำนาจ ทั้งในด้านความพอใจในจิตใจ ทางทฤษฎี

 

หน้าแรก || เรื่องยาวทั่วไปหลายตอนจบ || นิยายวิทยาศาสตร์ || บทความพิเศษ || เรื่องเขาเล่ามา

Copyright © 2001 by Kritapak Boonteekul. All rights reserved. No part of the contents of this website may be reproduced or transmitted in any form or by any means without the written permission of the owner.